คำเทศนาของ อ.ไมค์ บิคเคิล

คำเทศนาของ อ.ไมค์ บิคเคิล
ความปรารถนาของผม คือ ที่คุณจะเข้าร่วมในน้ำพระทัยของพระเจ้าตลอดชีวิตของคุณ
หากถามว่าน้ำพระทัยของพระเจ้า หรือที่เราเรียกว่า การทรงเรียกนั้นคืออะไร เราคงมีคำตอบแตกต่างกันออกไป
ซึ่งก็คือ สิ่งที่พระเจ้าเรียกคุณให้ทำสิ่งนั้น

ผมอยากจะพูดในฐานะพ่อในฝ่ายวิญญาณ และผู้เลี้ยงแกะของพระเจ้า ไม่ใช่ในฐานะผู้นำของ IHOP
ผมต้องการที่จะพูดลงไปในหัวใจของคุณเกี่ยวกับการทรงเรียกนั้น และอยากจะช่วยให้คุณเข้าใจกระบวนการว่าคุณมาทำอะไรที่นี่ และทำสิ่งเหล่านี้ไปเพื่ออะไร ช่วยให้คุณตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่นานแค่ไหน แล้วหลังจากที่ออกจากที่นี่ไปแล้ว จะไปที่ไหน อย่างไร ทั้งหมดที่เราจะพูดถึงนี้ ไม่ใช่เรื่องของการยึดมั่นในคำสัญญา(commitment) ซึ่งที่จริง ผมเองก็ให้ความสำคัญกับการยึดมั่นนี้ แต่วันนี้มีสิ่งที่ผมต้องการมากกว่านั้น คือ ความเข้าใจ (Understanding) มารต้องการจะโจมตีผู้เชื่อทุกคน โดยสิ่งแรกที่มันจะทำ คือ กล่าวโทษ หลังจากนั้นจะปั่นป่วนให้คุณเกิดความสับสนในใจ จนในที่สุด คุณก็ถูกพวกมันเล่นงาน เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกผิด หรือเกิดความละอายจากสิ่งที่มารกล่าวโทษ และจากสิ่งที่มันปั่นป่วนให้คุณเกิดความสับสนแล้ว คุณจะไม่สามารถเกิดผลต่อแผ่นดินสวรรค์ได้ ความสับสน ทำให้คุณทำสิ่งใดไม่ได้เลย เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณต้องทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร มีผู้เชื่อมากมายที่ถูกมารซาตานโจมตีด้วยวิธีการเหล่านี้ พวกเขาได้แต่นั่งอยู่เฉยๆ และไม่ลงมือทำอะไร เพราะได้ชนะเขาเหล่านั้นแล้ว
กุญแจสำคัญที่ป้องกันการจู่โจมของมารนั้น คือ ความเข้าใจ ความเข้าใจจะทำให้คุณมีมุมมองที่ถูกต้อง และเมื่อคุณมีมุมมองที่ถูกต้องแล้ว คุณจะเข้าใจความลึกลับของสิ่งที่กำลังทำอยู่ คุณจะเห็นภาพกว้างๆ ว่าคุณกำลังทุ่มเท และสละสิ่งสารพัดนั้นเพื่ออะไร สิ่งใดคือสิ่งที่ทรงคุณสำหรับพระเจ้า อะไรคือพระคุณที่พระเจ้าพูดถึง ซึ่งในทางกลับกันหากคุณไม่ได้เห็นภาพที่ถูกต้องแล้ว คุณจะเปรียบเทียบกันและกัน กล่าวโทษกัน ตัดสินกัน และเรียกร้อง กล่าวคือ หากปราศจากความเข้าใจอยากชัดเจนแล้ว จะทำให้คุณเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นใจไม่ได้เลย
สิ่งแรกที่ผมอยากพูดถึงเกี่ยวกับผู้ที่ทำงานเต็มเวลาที่นี่ ทั้งนักร้องนักดนตรี ให้เราดูในโคโลสี 1:9-11
เปาโลได้อธิษฐานเผื่อคริสตจักรโคโลสีให้เต็มด้วยความเข้าใจ* ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมพูดได้ว่า ความเข้าใจนั้นสำคัญมากกว่าการมีคำมั่นสัญญา เพราะน้ำพระทัยพระเจ้าที่เรียกคุณนั้น เป็นน้ำพระทัยที่ยาวนานมากกว่าเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่คุณจะคิดว่าจะอยู่ IHOP นานแค่ไหน ผมจึงอยากหนุนใจให้เรามีความชัดเจนว่า น้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตคุณคืออะไร ในฐานะทีมนมัสการที่ต้องการรับใช้เต็มเวลา จำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีความเข้าใจนี้ เพราะเมื่อผู้คนได้ยินเรื่องการทรงเรียก จะมีคนนับล้านที่บอกว่า ‘หมายถึง ฉันเอง ฉันเป็นคนนั้นที่พระเจ้าเรียก’ แต่ในขณะเดียวกันก็มีคนนับพันล้านที่พูดว่า ‘เรื่องนี้ฟังดูแล้วมันเจ๋งมาก พระเจ้าจะใช้ผู้อื่นไปแทนฉัน พระเจ้าทรงเรียกเขาเหล่านั้น ไม่ใช่ฉัน’

*คำว่าความเข้าใจ แปลตาม โคโลสี1:9-11 ฉบับ 1971 ในต้นฉบับไมค์ บิคเคิลใช้คำ Perspective แปลว่า วิสัยทัศน์ ทัศนคติ มุมมอง
เพราะฉะนั้นหากปราศจากความเข้าใจแล้ว คุณจะไม่ได้ยินอย่างที่ถูกต้อง หลายคนจะสับสนได้อย่างง่ายดาย และเมื่อคุณไม่สามารถได้ยินเสียงการทรงเรียกนั้นชัดพอ คงเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าจะมีใครเข้าใจผิดว่า การทรงเรียกนั้นไม่ใช่เป็นของเขา
จากข้อพระคัมภีร์ดังกล่าว เมื่อคุณรู้น้ำพระทัยพระเจ้าถึงสิ่งที่พระเจ้าเรียกคุณ ไม่ว่าจะให้ทำสิ่งใดๆ จะเป็นช่างภาพ ทำภาพยนตร์ หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณจะเดินในเดชแห่งพระสิริของพระองค์ และจะเกิดผลในทุกสิ่งที่คุณทำ
เปาโลพูดชัดเจนว่า ให้ความอดทนของเราเข้มแข็งขึ้นด้วย และความอดทนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของผลพระวิญญาณ และในขณะเดียวกันพระวิญญาณจะเปลี่ยนให้เรามีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย และเมื่อคุณเห็นชัดเจนว่าน้ำพระทัยพระเจ้า คือ อะไร จะทำให้คุณมีความอดทนมาก ไม่ว่าจะเผชิญกับปัญหาใดๆ คุณจะไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ คุณจะเดินต่อไปในทางนั้นกผ

B: การทรงเรียกนั้นมีทั้งแบบที่เป็นการทรงเรียกระยะสั้น ที่ใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี และการทรงเรียกระยะยาว 
การทรงเรียกระยะยาว เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่เราต้องตอบสนองกับพระเจ้า แต่เราต้องรู้ว่า อะไรคือการทรงเรียกระยะยาว และระยะสั้นของเรา เพื่อเราจะได้รู้ว่า เราจะมาทำอะไร อย่างเช่น ที่ทุกคนมาที่ IHOP นี้เราก็ต้องรู้ว่าเรามาเพื่ออะไร เพราะที่นี่มีผู้รับใช้หลายรูปแบบทั้งเต็มเวลา แบบอาสา และมีพันธกิจที่แตกต่างกันมากมาย เพื่อเราจะมีความชัดเจนในเส้นทางที่เราเดินอยู่ และไม่สับสน และเกิดความสงสัยว่าเรามาทำอะไรที่นี่ และทำอะไรอยู่ ทำไปเพื่ออะไร ซึ่งความคิดเหล่านี้ ทำให้เราล้มเลิกสิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ ศัตรูต้องการให้เราล้มลงผ่านความสับสนเช่นนี้ ผู้รับใช้หลายคนที่รับใช้นานเป็นสิบๆปี รับใช้หลายเมือง ทำพันธกิจหลายอย่าง ก็ยังคงเกิดปัญหาเช่นนี้ เหตุผลที่ทำให้เขาเปราะบางไม่มั่นคงเช่นนี้ เพราะไม่เคยได้ตรวจสอบว่า เป้าหมายของเขาคืออะไร ทำให้เขาไม่มั่นใจในทางที่เดินอยู่
ผมตั้งใจอยากจะมีเวลาคุยกับทุกคนเพื่อทบทวน และค้นหาเป้าหมาย วัตถุประสงค์ และความคาดหวังของชีวิตเราเองทุกคน เพราะสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่จะพัฒนาชีวิตของทุกคนให้มีความหมายมากขึ้น ไม่ว่าในอนาคตจะทำอะไร เขาจะยังคงอยู่บนเส้นทางของชีวิตของเขาเอง ไม่ว่าศัตรูจะพยายามปั่นป่วนเขาแค่ไหนก็ตาม เพราะความจริงที่แย่มากๆ คือเราเสียเวลาไปมากกับการทำสิ่งต่างๆ ที่ไม่ใด้อยู่บนความคาดหมายของชีวิตเราเลย แต่เมื่อเราอยู่บนความคาดหวังของเรา เราจะได้ถามตัวเองและตรวจสอบว่าเรายังคงอยู่บนลู่ทางที่เราตั้งใจเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของเราหรือไม่ เมื่อวันหนึ่งที่ผมอายุ 60 ปี ผมมองกลับมา ผมจะได้มั่นใจได้ว่า ทุกช่วงอายุของชีวิตผมอยู่บนทางที่ผมตั้งเป้าไว้ และไม่สูญเสียเวลาไปกับการตัดสินใจทำอะไรที่ไม่สมเหตุสมผล
ผมพูดในฐานะพ่อในฝ่ายวิญญาณ และผู้เลี้ยงกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ ซึ่งมีความแตกต่างที่มา และต่างวัตถุประสงค์ที่อยู่ที่นี่ เพื่อว่าวันหนึ่งในอนาคตเมื่อคุณมองย้อนกลับมา คุณจะเข้าใจว่าในอดีต ทำไมคุณถึงยังทำสิ่งต่างๆอยู่ สำหรับผู้รับใช้ที่นี่ก็เช่นกัน ผมคิดว่าจะทำให้คุณตอบตัวเองได้ชัดขึ้นว่าทำไมคุณยังทำสิ่งนี้อยู่
ผมขอแบ่งปันเรื่องการคัดเลือกคนเข้ามาร่วมเป็นผู้รับใช้ใน IHOP เมื่อผมรับสมัครผู้รับใช้ ผมจะเล่าประวัติความเป็นมาของ IHOP และแสวงหาคนที่ตอบสนองกับสิ่งนี้จากหัวใจของเขา และผมมั่นใจว่าทีมผู้นำนมัสการทุกคนจะมีความชัดเจนในแนวทางเดียวกันนี้ เราหวังว่าทุกคนจะเข้าใจสิ่งนี้ เพื่อทุกคนจะสามารถดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยพระเจ้าได้ โดยไม่ถูกทำให้หวั่นไหวจากสิ่งใดๆเลย ในฐานะผู้เลี้ยงผมให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากจริงๆ ในขณะเดียวกันนั้น ผมก็อยากจะสร้างพันธกิจนี้ ให้เป็นรูปแบบเดียวกับที่พระเจ้าปรารถนาจะสร้าง ที่นี่ เรามีความแตกต่างกันมาก ทั้งผู้ที่เข้ามาร่วมพันธกิจทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว ผมจึงบอกกับพระเจ้า ขอพระเจ้าปรับความคิดของเราให้เรามีความคิดอย่างเดียวกัน และพูดไปในทิศทางเดียวกันเพื่อจะเคลื่อนไปด้วยกัน
พระเจ้าสำแดงกับดาวิด เกี่ยวกับการนมัสการรูปแบบใหม่ เป็นการนมัสการอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติกาล คือการนมัสการตลอดวันและคืน
ใน 2 พงศาวดาร 29 พระเจ้าสั่งผ่านดาวิดให้มีเลวีปรนนิบัติพระองค์ผ่านการเล่นดนตรีตลอด 24 ชม.และพระเจ้ายังตรัสสั่ง ให้ดาวิดรับสั่งให้กษัติรย์ทั้งหลายที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากเขาปฏิบัติเช่นเดียวกันนี้ด้วย เมื่อผมได้อ่านพระคัมภีร์ตอนนี้แล้ว ผมได้ยินเสียงกระซิบเล็กๆว่า ให้ผมทำเช่นนี้ กับที่นี่ด้วย คือการสั่งให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า ให้รู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่ใช่เป็นตัวเลือกว่า จะทำหรือไม่ทำก็ได้ หรือเป็นสิ่งที่อยากทำก็ทำ ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ

เหตุผลทางทฤษฎี และเหตุผลในทางปฏิบัติว่า ทำไมต้องนักร้องนักดนตรีที่พร้อมปรนนิบัติพระเจ้าเต็มเวลา
เหตุผลทางทฤษฎี 
มีข้อพระคัมภีร์ที่สำคัญสำหรับนักร้องนักดนตรีที่จะรับใช้เต็มเวลา 4 ข้อ ที่ผมอยากให้ทุกคนได้มีชีวิตตั้งอยู่บนข้อพระคัมภีร์นี้ คือสิ่งที่พระเจ้าได้ตรัสกับดาวิด
1 พงศาวดาร 9:33 นักร้องนักดนตรีเป็นผู้ที่ถูกสงวนไว้จากทุกงาน หมายถึง เขาไม่ต้องทำงานอื่นใดเลย พวกเขาถูกจ้างเพื่อเพียงอย่างเดียว คือ การรับใช้ อย่างเต็มเวลา ตลอดวันและคืน คืนและวัน พวกเขาได้รับการว่าจ้าง และเขาได้รับเงินเดือน เพื่อเขาจะรับใช้พระเจ้า ตลอดทุกวัน เพื่อพระเจ้า พระเจ้าต้องการให้เป็นเช่นนี้คือ เรียก และจ้างเขา ประเด็นสำคัญในข้อนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องของหน้าที่และความรับผิดชอบ แต่ความลึกลับของพระเจ้าในน้ำพระทัยนี้ คือ ให้ดาวิดบอกเขาว่า เขาทั้งหลายเป็นดั่งผู้ชอบธรรม และเหล่าทูตสวรรต์บนแผ่นดินโลก เป็นดั่งเสราฟิม และเครูบที่นมัสการต่อหน้าบัลลังก์ของพระองค์ บอกความลึกลับนี้ให้เขารู้ว่า เขากำลังทำอะไรอยู่ มีเพียงกลุ่มๆ เดียวบนสวรรค์เท่านั้นที่นมัสการตลอดวันและคืน รอบบัลลังก์ของพระองค์ และนี่จะเป็นครั้งแรกบนโลกนี้ที่จะมีการนมัสการตลอดวันและคืน และต้องเป็นงานเต็มเวลาที่จะได้รับเงินเดือน เหมือนเช่นการทำงานอื่นๆ
1 พงศาวดาร16 พระเจ้าให้ดาวิดเลือกอาสาฟเป็นหัวหน้านักร้อง ในตอนนี้ คือ ดาวิดได้แต่งตั้งเลวีบางคนให้ปรนนิบัติหน้าหีบพันธสัญญาของพระเจ้า เขาจะสรรเสริญพระเจ้า เพื่อเป็นเสียงก้องจากโลกไปยังสวรรค์ โดยน้ำพระทัยของพระเจ้าที่เฉพาะผู้ที่เป็นเลวีเท่านั้น ในข้อ 37 ระบุไว้ด้วยคำที่ชัดเจนมากว่า พระเจ้าให้ปรนนิบัติหน้าหีบเรื่อยไป เช่น งานประจำวันที่ต้องทำ
2 พงศาวดาร 8:14 เป็นเหตุการณ์ที่ซาโลมอนบุตรของดาวิด เลือกนักร้องนักดนตรีจากเผ่าเลวีเพื่อปรนนิบัติพระเจ้า และมอบหมายหน้าที่ให้เขาถวายคำสรรเสริญทุกวัน เพื่อให้เกิดเสียงสะท้อนก้องจากโลกไปยังสวรรค์เช่นเดียวกับดาวิดทำ เหตุผลที่ซาโลมอนว่าจ้างเลวีเหล่านั้น เพราะเป็นคำสั่งของดาวิดให้ทำสิ่งนี้ ซึ่งที่จริงแล้วเป็นคำสั่งของพระเจ้า ที่ตรัสกับดาวิดให้สั่งกษัตริย์ทุกคนที่ขึ้นครองราชย์ต่อจากเขาให้ทำให้สิ่งเหล่านี้ ซึ่งการนมัสการเช่นนี้ถูกสืบต่อกันยาวนานกว่า 500 ปี
2 พงศาวดาร 31 เป็นเรื่องจัดการทางเศรษฐกิจให้แก่เหล่าเลวี และพูดถึงการจัดเตรียมด้านอาหารประจำวันให้เขาทั้งหมด
ผมสังเกตเห็นว่า มีความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เหล่าเลวีนั้นต้องเจอหลากหลายรูปแบบ แต่พระเจ้าทรงได้ยินและรับรู้ปัญหาทั้งหมดและพระเจ้าจะทรงจัดเตรียมการช่วยเหลือ เช่นเดียวกันกับเรา ผมเชื่อว่า พระเจ้าจะทรงรวบรวมทุนที่จำเป็นมาจากทั่วโลก และจะมีการยกระดับการจัดเตรียมทางการเงินอีกรูปแบบหนึ่ง

เมื่อเราดูที่เหล่าเลวี พวกเขาได้เงินเดือน และได้รับเกียรติด้วย แต่เขาไม่มีโอกาสอื่นๆ ที่จะสามารถทำ(เพื่อเลี้ยงตัวเอง) ได้เลย เช่น ไม่สามารถระดมทุนจากการจัดคอนเสิร์ต ออกซีดี หรืองานสัมมนาอื่นๆ สิ่งเดียวที่พวกเขาทำคือ อยู่ในพลับพลา และนมัสการ ไม่มีพันธกิจอื่นใดเลย ไม่มีหน้าที่อื่น และไม่มีสิ่งใดที่จะอำนวยความสะดวกเขาเลย นอกจากเงินเดือน ผมมองว่าการเป็นเลวีเป็นอะไรที่ท้าทาย เข้มข้น จริงจังมาก และเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่เขาได้ทำเลยทีเดียว คนมากมายเมื่อเห็นเขา อาจจะพูดว่า การเป็นเลวีนี่มันเจ๋งสุดยอดเลย ในความเป็นจริงแล้ว มันลำบากกว่านั้นมาก แต่เขาทุกคนก็ได้รับบำเหน็จนิรันดร์เช่นกัน จากการเชื่อฟังพระเจ้า ในเอเสเคียล 44:16 บำเหน็จของเขา คือ การที่พระเจ้าเรียกเขาเข้ามาใกล้ๆ เขามีโอกาสที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์ของเขากับพระเจ้า ได้มีเรื่องราวต่างๆ ร่วมกับพระเจ้า จริงอยู่การลงลึกในความสัมพันธ์กับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่ต้องทุ่มเท แต่สิ่งที่พิเศษ คือเขาได้มีโอกาสจะทำมัน และความลับสำหรับผู้เป็นนักอธิษฐาน คือเขาเป็นผู้ที่เคลื่อนพระทัยพระเจ้าให้เข้ามาใกล้เขา

 

บทความ โดย ไมค์ บิคเคิล
แปล โดย พัณณ์ชิตา ศิริโชติวรานนท์